spring1

จังหวัดอาคิตะ (Akita) ตั้งอยู่ในภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) หรือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู (เกาะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น)ของประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าฤดูกาลไหน ก็มีมนต์เสน่ห์แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองของจังอาคิตะ เมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมืองหิมะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี หรือผู้ที่อยากไปสัมผัสหิมะอันขาวสะอาด และยังเป็นบ้านเกิดของหมาฮาจิผู้ซื่อสัตย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ

summer2

และเมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น นอกจากภูเขาไฟฟูจิแล้ว เราคงคุ้นเคยกับเหล่าซามูไร นักรบกล้าหาญของประเทศญี่ปุ่น ที่จังหวัดอาคิตะ ซึ่งมีประวัติอันยาวนานนี้ ก็มีหมู่บ้านของนักรบซามูไรที่มีความสำคัญในการบริหารประเทศในยุคสมัยเอโดะด้วยค่ะ นั่นก็คือเมือง คะคุโนะดาเตะ จังหวัดอาคิตะ มีหมู่บ้านซามูไรที่มีสิ่งก่อสร้างอาคารที่ทำให้รู้สึกได้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน หลงเหลืออยู่มากมายใ นเมืองนี้มีหมู่บ้านซามูไรคะคุโนะดาเตะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ในด้านเชิงความรู้สร้างสรรค์ เรามาทราบประวัติความเป็นมาของเหล่าบรรดาคฤหาสน์ของนับรบซามูไรกันค่ะ

winter5

คะคุโนะดาเตะมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะที่เป็นถิ่นฐานของชาวซามูไร ซากของเก่ามากมายที่กระจัดกระจายไปทั่วเมืองนั้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซามูไรซาตาเคะ แม้ว่าตระกูลซาทาเคะจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในศึกสงครามเซคิงาฮาระ โชกุนคนใหม่ผู้ชนะศึก โทะกุงาวะ อิเอะยาซุ ก็ยังแสดงความเคารพนับถือต่อตระกูลซามูไร โดยการให้โอกาสตระกูลซาตาเคะเข้าร่วมกับรัฐบาลของตน แม้ว่าที่ดินของซาตาเคะจะถูกยึดกลับไปจำนวนมากก็ตาม ปัจจุบันนี้ ทายาทแห่งครอบครัวซามูไรผู้ร่ำรวย ก็ได้ทำการเก็บรักษาและจัดแสดงหมู่บ้านของพวกเขาที่ผ่านศึกสงครามอย่างโชกโชนด้วยความภาคภูมิใจ

winter4

 

ในอดีตเมืองคะคุโนะดาเตะ เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองที่ตั้งของปราสาท และปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีทัศนียภาพที่ดูคล้ายกับเกียวโตหลงเหลืออยู่ ให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นที่งดงามเมื่อครั้งอดีต ซามูไรเคยเป็นชนชั้นที่สูงที่สุดในสังคมสมัยโบราณ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเพราะว่านักรบเหล่านี้ได้รับการตอบแทนจากเจ้านายของตนด้วยที่ดินมหาศาล แม้ว่าปัจจุบันนี้ซามูไรจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่จิตวิญญาณของผู้กล้าเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ในหมู่บ้านคะคุโนะดาเตะ แห่งจังหวัดอาคิตะค่ะ

summer4

บ้านอิชิงุโระ (The Ishiguro Manor)

kakunodate-02

บ้านอิชิงุโระ คือบ้านหลังเก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้านซามูไรที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน และทุกวันนี้ก็ยังคงมีลูกหลานอาศัยอยู่ ส่วนหนึ่งของตัวบ้านเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมภายในได้

kakunodate-03

 

การเดินทาง:          – จากสถานี JR Kakunodate เดินประมาณ 20 นาที

– จากสถานี JR Kakunodate ขึ้นรถแท็กซี่ประมาณ 5 นาที

เวลาทำการ:           9:00 – 17:00 น.

ค่าเข้าชม:               ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน

วันหยุด:                ไม่มี

ที่อยู่ :      1 Shimocho, Omote-machi, Kakunodate-machi,

Semboku shi,Akita

 

บ้านอะโอะยะงิ (The Aoyagi Manor)

aoyagi

kakunodate-04-439x334

บ้านอะโอะยะงิ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของบ้านอิชิงุโระ มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ภายในมีสวนที่ปลูกต้นไม้และดอกไม้ชนิดต่างๆมากมาย ให้บรรยากาศที่สวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล เป็นบ้านซามูไรที่สวยงามที่สุด ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ภายในมีการจัดแสดงสิ่งของทรงคุณค่าต่างๆเช่น อาวุธโบราณและงานศิลปะจำนวนมาก นอกจากนี้ภายในอาณาบริเวณยังมีร้านอาหารและคาเฟ่สไตล์ย้อนยุคให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองรสชาติอาหารจานเด็ดขึ้นชื่ออีกด้วย

kakunodate-05

การเดินทาง:          – จากสถานี JR Kakunodate เดินประมาณ 20 นาที

– จากสถานี JR Kakunodate ขึ้นรถแท็กซี่ประมาณ 5 นาที

เวลาทำการ:           9:00 – 17:00 น. (ช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม เปิดให้บริการถึง 16:00 น.)

วันหยุด:                  ไม่มี

ที่อยู่ :      3 Shimo-cho, Omote-machi, Kakunodate-machi, Semboku-shi, Akita

พื้นที่ใกล้เคียงของสองฝั่งข้างทาง ยังมีบ้านของนักรบซามูไรโบราณอีกหลายแห่ง

บ้าน อิวาฮาชิ (The Iwahashi Manor)

iwahashi

บ้าน คาวาระดะ (The Kawarada Manor)

kawarada

บ้าน มัทสึโมะโตะ (The Matsumoto Manor)

matumoto

บ้าน โอะดาโนะ (The Odano Manor)

odano

บ้าน โอโนะซาคิ (The Onozaki Manor)

 

onozaki

 

นอกจากนี้ ยังมีรถรางให้บริการอีกด้วยค่ะ การได้ทดลองนั่งรถลากเป็นประสบการณ์หนึ่งที่จะช่วยให้การมาเที่ยวยังคะคุโนะดาเตะแห่งนี้สนุกสนานน่าประทับใจยิ่งขึ้น นักท่องเที่ยวจะสามารถเที่ยวชมบริเวณรอบๆคะคุโนะดาเตะ ขณะนั่งรถลากสำหรับ 2 คน โดยมีชายหนุ่มคนลากรถเป็นผู้ทำหน้าที่เหมือนไกด์นำทางคอยบรรยายขณะท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะ

jinriki

ขอขอบคุณที่มาของเรื่องและรูปภาพ จาก http://www.jnto.or.th/

Leave a Reply