บทความสาระน่ารู้

The Attraction of Ryukyu Cultural from the Past to the Present

By June 13, 2017 No Comments
 

วันนี้เรามาพูดถึงวัฒนธรรมริวกิว หรือ โอคินาว่ากันค่ะ ถ้าพูดถึงโอคินาว่าสิ่งหนึ่งที่คุณคุ้นเคยก็คือสีสันของชุดแต่งกายเวลามีงานเทศกาลสำคัญต่างๆ

บิงงะตะ1
 
 
บิงงะตะ
 

ดีไซด์คล้ายกิโมโนมีความเป็นญี่ปุ่นอยู่ แต่ลวดลายออกไปทางสไตล์เครื่องนุ่งห่มของจีนและสีสันที่ฉูดฉาด วัฒนธรรมที่ถูกพัฒนาสมัยอาณาจักรริวกิว ยังได้รับการสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน อาทิเช่น เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายที่เรียกกันว่า “ซันชิน” ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศจีนนั้น ได้รับความสนใจในหมู่นักรบในฐานะศิลปะศาสตร์แขนงหนึ่ง และยังมีการพัฒนาศิลปะต่างๆ เช่น ดนตรีโบราณ ระบำคุมิโอโดริ หรือการแสดงระบำริวกิว ที่ใช้ซันชินเป็นพื้นฐาน เพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากจีนและญี่ปุ่น เทคนิคการย้อมผ้าก็ได้รับมาจากประเทศจีนและประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกำเนิดเป็นชุดประจำท้องถิ่นของโอกินาว่าชื่อว่า บิงกะตะ บะโชฟุ และมินซา เป็นต้น

มาเริ่มต้นกันที่ประเพณีอันแรกของชาวริวกิวกันเลยค้า นั่นก็คือระบำเอซา

1.1-1

ระบำเอซาเป็นพิธีกรรมท้องถิ่นที่จัดขึ้นเพื่อทำบุญให้กับบรรพบุรุษ โดยจะมีหนุ่มสาวถือกลองเดินระบำทั่วหมู่บ้าน เข้ากับเสียงเพลงและเสียงของเครื่องดนตรีซันชิน สามารถหาชมได้ในงานเทศกาลหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

ระบำริวกิว

1.2-1
 

ระบำโบราณที่พัฒนามาจากระบำราชสำนักนั้น มีลักษณะเด่นคือ การแสดงที่มีสีสันสดใสตระการตาของนักระบำที่ใส่ชุดบิงกะตะ ส่วนการระบำแบบใหม่จะเรียกว่า “โซโอโดริ” หรือ “โซซาคุคุมิโอโดริ” ซึ่งเกิดจากการนำขนมธรรมเนียมของชาวบ้านทั่วไปมาใช้

 
 

ดนตรีริวกิว

 
1.8-1
 
1.3-1
 

สิ่งนี้ขาดไม่ได้เลยค่ะถ้าเกิดจะมีระบำก็ต้องมีดนตรีดีๆสักชิ้นหนึ่ง ซึ่งดนตรีริวกิว เป็นสิ่งที่มอบความเป็นเอกลักษณ์ให้แก่ดนตรีของโอกินาว่านั้น ก็คือ”ซันชิน” ปัจจุบันมีการนำไปใช้กับดนตรีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ดนตรีโบราณ เพลงพื้นบ้าน ไปจนถึง เพลงป๊อบ

 
 
 

เครื่องเขินริวกิว

 1.4-1
 

เครื่องเขินของโอกินาว่านั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก โดยมีการนำเข้าจากประเทศจีนในศตวรรษที่ 14 – 15 สมัยที่อาณาจักรริวกิวมีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้ากับจีน จนได้พัฒนามาเป็นแบบฉบับเฉพาะของตนเอง และได้รับการยอมรับในเรื่องเทคนิคและศิลปะที่สวยงาม จนมีการนำไปใช้ในงานเลี้ยงหรือพิธีกรรมสำคัญและยังถือเป็นสิ่งมีค่าที่ใช้ถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการและสินค้าของภาคเอกชนอีกด้วย หลังจากปี 1879 ได้รับการปรับให้เป็นเครื่องเขินสำหรับคนทั่วไป มีการผลิตเพื่อใช้เป็นภาชนะใส่อาหารและของฝากมากขึ้น ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะอุราโซเอะ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องเขินโดยเฉพาะแห่งแรกของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1990 มีการจัดแสดงผลงานชั้นเยี่ยมของสมัยราชวงศ์ริวกิวเอาไว้ด้วยค่ะ

 
 

ส่วนเครื่องปั้นดินเผา

 
1.5-1
 

เรียกกันว่า ยาจิมุน เป็นภาษาท้องถิ่นของโอกินาว่า ซึ่งมีความหมายตรงตัวแปลว่าเครื่องปั้นดินเผา ได้มีการนำเข้ากระเบื้องเคลือบและเครื่องปั้นดินเผาในสมัยราชวงศ์ริวกิวที่มีความรุ่งเรืองทางด้านการค้าระหว่างประเทศ และได้นำมาสร้างวัฒณธรรมเครื่องปั้นดินเผาจนมีลักษณะแบบเฉพาะเป็นของตนเอง ในปี 1682 มีการนำเตาเผาที่กระจายอยู่ทั่วมารวมกันไว้ที่ย่านสึโบยะในเมืองนาฮา ทำให้เทคนิคได้รับการพัฒนามากขึ้น ปัจจุบันยังคงมีช่างที่สืบต่อวัฒนธรรมนี้เอาไว้อีกมากมาย ย่านสึโบยะ เมืองนาฮา และหมู่บ้านโยมิตัน ก็เป็นที่รู้จักกันในฐานะแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่สำคัญเช่นกันค่ะ

นอกจากวัฒนธรรมริวกิวที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว รู้ไหมว่า คาราเต้ นั้นมีต้นกำเนิดมาจากโอกินาว่าและปัจจุบันก็ถูกแพร่หลายไปยังทั่วโลก 

 
1.7-1
 
 
1.6-1
 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Beyond The sea Okinawa

 

 

 

 

Leave a Reply