
วิธีการหา ห้องพักในญี่ปุ่น ด้วยตัวเองอย่างชาญฉลาด
เพื่อนๆหลายคนที่มาอยู่ญี่ปุ่น เคยมีประสบการณ์การหา ห้องพักในญี่ปุ่น ด้วยตัวเอง กันบ้างมั้ยเอ่ย ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์การหา ห้องพักในญี่ปุ่น ที่แสนจะยุ่งยาก ในญี่ปุ่นมาแล้ว ระบบการเช่าห้องพักของที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย จะมีเงื่อนไขต่างๆเข้ามา
บางที่เจ้าของบ้านก็ไม่รับชาวต่างชาติด้วยนะ(แอบน้อยใจนิดหน่อย)แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ
เพราะห้องพักในญี่ปุ่นมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย แต่ไม่ต้องรีบนะคะ เลือกห้องที่ถูกใจและตรงตามเงื่อนไขที่เราได้วางไว้ เพราะเราจะต้องอยู่กับมันไปอีกนานเป็นปี สองปี หรือ นานกว่านั้นก็ได้
ย้ายบ้านแต่ละทีเสียค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆเลย ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่ามัดจำ ค่ากินเปล่า ค่าเช่าล่วงหน้า ค่าจัดหาบ้าน ค่าบริษัทประกัน ค่ากุญแจ ค่าจิปาถะฯลฯ ดังนั้นก่อนจะย้ายบ้านเรามาดูกันค่ะว่ามีวิธีการหาห้องพักอย่างชาญฉลาดยังไงบ้าง
1.ก่อนอื่นเลยเราจะต้องตัดสินใจก่อนว่าจะย้ายช่วงไหนดี
หลายคนสงสัยว่าทำไม ก็เพราะที่ญี่ปุ่นจะย้ายบ้านเขาจะมีช่วงถูกและแพง เรามาดูกันว่าช่วงไหนแพงและช่วงไหนถูกกันค่ะ
●ช่วงเวลาที่แพงสุดคือ เดือนมีนาคมและเดือนเมษายน
●ช่วงเวลาที่ถูกสุดคือ เป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน(ช่วงถูกเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม~เดือนกุมภาพันธ์)
*กราฟแสดงค่าใช้จ่ายในการย้ายบ้าน (ข้อมูลปี2015-2016)
จากข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลย้ายบ้านของคนญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว เพราะเชื่อกันว่าเป็นช่วงที่เหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ทำงาน และสังคมใหม่ๆ ดังนั้นใครจะย้ายบ้านในช่วงนี้เตรียมตัวเตรียมใจกับราคาแพงหูฉี่ได้เลย หากใครหลีกเลี่ยงไม่ได้จำเป็นต้องย้ายบ้านช่วงนี้แล้วล่ะก็ แนะนำให้เตรียมจองบริษัทขนของแต่เนิ่นๆเลย เพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะเต็มก่อนจองไม่ทันคนอื่นเขา
ส่วนใครที่ไม่มีปัญหาอะไรก็รอย้ายบ้านเดือนอื่นที่ไม่ค่อยมีคนย้ายกันดีกว่า โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน เพราะเราจะไร้คู่แข่งและได้ราคาค่าย้ายบ้านที่ถูกกว่าเดือนอื่นอีกด้วย
2. ตั้งเงื่อนไขการเช่าห้อง
①ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องเสีย
ค่าเช่าห้องพักเราต้องดูว่าเหมาะกับฐานะตัวเองหรือไม่ ไม่แพงมากเกินกำลัง และไม่ถูกจนดูน่ากลัวเกินไป และที่ญี่ปุ่นการเช่าห้องพักจำเป็นต้องผ่านตัวกลาง คือบริษัทจัดหาบ้านหรือที่ญี่ปุ่นเรียกฟูโดซังยะ「不動産屋」ส่วนค่าใช้จ่ายไม่ใช่แค่ค่าเช่าห้องหรือค่าประกันเท่านั้นนะคะ มีค่าแรกเข้า เรามาดูกันว่า ค่าแรกเข้าประกอบด้วยอะไรบ้าง
ค่าแรกเข้า<初期費用>
仲介手数料(Chukai Tesuryo) คือ ค่าดำเนินการของบริษัทจัดหาบ้าน → จำเป็นต้องจ่ายมากสุดก็เท่ากับค่าเช่าบ้าน 1 เดือน (บางที่ก็เสียแค่ครึ่งราคาของค่าเช่าบ้าน หรือไม่เสียเลยก็มีแล้วแต่บริษัท)
家賃(Yachi) ห้องพัก 、管理費(Kanri Hi)ค่าสวัสดิการ 、駐車場代(Chushajo dai) ค่าที่จอดรถ → คือ ค่าห้อง1เดือน+ค่าสวัสดิการ ทำความสะอาด จัดการความเรียบร้อยของอาคาร+ค่าที่จอดรถ(กรณีมีรถยนต์)
礼金(Reikin) คือ เงินให้เปล่า/เงินขอบคุณเจ้าของบ้าน → เจ้าของบ้านสามารถเรียกเก็บเงินส่วนนี้จากผู้เช่าได้โดยไม่ผิดกฏหมาย และส่วนใหญ่เงินให้เปล่านี้จะเท่ากับค่าเช่าห้อง 1-2เดือน แต่ว่าปัจจุบันก็มีหลายๆเจ้าที่ล้มเลิกการเก็บเงินส่วนนี้แล้วก็มีค่ะ
敷金(Shikikin) คือ เงินค่าประกันความเสียหายของห้อง → เป็นเงินค่าประกันความเสียตอนเราจะย้ายออกจากห้องไปอยู่ที่อื่น หากมีการชำรุดเสียหายตรงไหนก็จะหักจากเงินส่วนนี้ไปซ่อมแซม โดยปรกติแล้วหากไม่มีอะไรเสียหายก็จะถูกหักเฉพาะค่าทำความสะอาดที่เหลือก็จะคืนให้เจ้าของห้อง ค่าเงินประกันนี้ส่วนใหญ่จะเท่ากับค่าเช่าห้อง 1-2เดือน(ขั้นต่ำ) บางแห่งก็อาจจะเท่ากับค่าเช่าห้อง 3 เดือนขึ้นไปก็มีแล้วแต่ที่
保証料(Hosho Ryo) หมายถึง ค่าค้ำประกัน(บริษัทค้ำประกัน) → เป็นค่าประกันหากเกิดกรณีเจ้าของห้องไม่สามารถจ่ายค่าเช่าห้องได้ เป็นเงินให้เปล่า ไม่ได้คืน เงื่อนไขแล้วแต่ที่ ซึ่งผู้เช่ากับบริษัทรับค้ำประกันต้องทำสัญญากันอีกทีค่ะ
โดยปรกติแล้วจะเสีย 3%ของค่าเช่า, 5%ของเค่าเช่า หรือ เท่ากับ 1 เดือนเลยก็ได้แล้วแต่บริษัท จ่ายปีละครั้ง (เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากค่าห้อง)
(*ถ้าใครมีผู้ค้ำประกันที่เป็นบุคคลน่าเชื่อถือได้ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยจะมีใครค้ำประกันให้กันง่ายๆ)
อื่นๆ<その他>
火災保険料(HKasai hoken-ryo) หมายถึงค่าประกันอัคคีภัยและน้ำรั่วต่างๆ →ซึ่งเป็นปรกติของการเช่าห้อง โดยจำเป็นต้องทำประกัน 2 ปีต่อครั้ง หากเป็นห้องพักขนาดคนเดียว ราคาประมาณ 15000 เยน ~ 20000 เยน
更新料(Koshin-ryo) หมายถึง ค่าเปลี่ยนสัญญา → การเช่าบ้านส่วนมากจะเป็นสัญญา 2 ปีแล้ว เมื่อครบ 2 ปีก็จำเป็นต้องทำสัญญาใหม่ โดยจะค่าเปลี่ยนสัญญาเท่ากับ 1 เดือนของค่าเช่าห้อง (บางที่ก็อาจจะไม่มีก็ได้)
**ห้องพักที่มีการเขียนไว้ว่า ค่าประกันความเสียหาย 0 เยน ค่าให้เปล่า 0 เยน ค่าจัดหาห้องของบริษัทจัดหาบ้าน 0 เยนให้พึงระวังไว้ให้ดี!**
เวลาหาห้องพักที่ญี่ปุ่นเคยแปลกใจบ้างมั้ยค่ะว่าทำไมบางที่มีค่าใช้จ่ายค่าแรกเข้าแพง บางที่ไม่แพงเลย?
ในญี่ปุ่นห้องพักที่ตั้งอยู่สถานที่ยอดฮิต สะดวกสบาย น่าอยู่ หาคนมาเช่าอยู่ไม่ยากเลย ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ห้องพักบริเวณนั้นมีการตั้งราคาค่าแรกเข้าไว้แพง จะมี ค่าประกัน ค่าให้เปล่า และค่าจัดหาห้องอยู่แล้ว โดยไม่แปลกใจ แต่!หากห้องพักที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังที่กล่าวมา แต่เสียค่าแรกเข้าน้อยมาก เช่น เสียค่าประกัน 0 เยน ค่าให้เปล่า0เยน และค่าจัดหาห้อง 0 เยน อย่าพึ่งดีใจไปนะคะ เพราะอาจจะมีเงื่อนไขซ่อนไว้ เช่น ตอนเราย้ายออกจากห้อง เจ้าของอาจจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของห้องและจะเรียกเก็บตังค์เราทีหลัง ก็มี หรือ อาจจะมีคดีอะไรหรือเปล่า ถึงรีบให้คนเช่า ให้รีบตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยแล้วรีบสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามีสาเหตุอันใดถึงได้มีราคาถูก
เคยได้ยินคนญี่ปุ่นพูดให้ฟังว่า กรณีเสียค่าประกัน 0 เยน ค่าให้เปล่า 0 เยน และค่าห้องนั้นถูกแสนถูก ส่วนใหญ่อาจจะเป็นเพราะห้องขายไม่ออกเนื่องจากเคยเกิดคดีเกิดขึ้นในห้องนั้นหรืออาคารนั้นก็เป็นได้ ให้สอบถามก่อนเลยว่าเคยมีเหตุการณ์แบบนั้นหรือไม่ด้วยก็ดีนะคะ
② ขนาดห้อง และตำแหน่ง
●ตำแหน่งที่อยู่ของห้องพัก
ดูว่าจากห้องที่เราจะเช่ากับที่ทำงาน หรือโรงเรียน มีระยะทางไกลมากน้อยแค่ไหน
โดยค้นหาเส้นทางหลักที่สามารถใช้เดินทางไปทำงานหรือไปเรียนได้สะดวก ซึ่งปรกติดแล้วยิ่งสถานีรถไฟที่อยู่ห่างไกลความเจริญไปมากเท่าไหร่ ราคาค่าห้องก็จะถูกลงตามด้วย ซึ่งหากเป็นหนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ก็จะเน้นที่สามารถเดินทางได้สะดวกไม่ต้องเปลี่ยนรถบ่อย เนื่องจากต้องหางานอะรุไบ หรือหารายได้พิเศษระหว่างเรียน
●ประเภทห้อง
ประเภทห้องที่เหมาะแก่การเช่าอยู่คนเดียวของนักศึกษาในญี่ปุ่นมีดังนี้
1R(ワンルーム) คือห้องที่รวมห้องครัวและห้องนอนรวมกัน
1K คือ ห้องที่แยกระหว่างห้องนอนและห้องครัว โดยมีประตูกั้นระหว่าง แต่ความกว้างก็ไม่ต่างกับ ワンルームเท่าไหร่นัก
1DK คือ ห้องที่มี ห้องนั่งเล่นรวมกับห้องครัว และมีนอนแยกออกมาอีก
1LDK ห้องนั่งเล่นกว้าง แยกกับห้องครัว และมีห้องนอน เหมาะกับ พัก 2 คนมากกว่า แต่ถ้า 1 คนก็เหมาะมาก
3. จากนั้นก็ค้นหาห้องตามเน็ตต่างๆได้เลย
คราวนี้เราก็มาเริ่มหาห้องพักตามเว็ปไซต์ต่างๆตามเน็ตกันเลยค่ะ เพื่อจะเราจะได้ดูข้อมูลห้องพักที่เราอยากจะไปดูจริง ให้เลือกและรวบรวมห้องพักที่ถูกใจไว้ และให้ดูหลายๆที่เปรียบเทียบราคาด้วยโดยค้นคำว่า 家賃相場
หรือ ค้นจากเว็ปไซต์หาห้อง โดยเข้าไปเลือกจังหวัด แล้วก็เลือกเมือง เขต หรือสถานีรถไฟ ที่ต้องการจะเช่า
จากนั้นก็เลือกเงื่อนไขต่างๆ เช่น ราคา ห่างจากสถานีรถไฟกี่นาที ห้องขนาดเท่าไหร่ อาคารกี่ชั้น ห้องน้ำแยกกับห้องอาบน้ำหรือเปล่า เป็นต้น ให้หลายๆที่นะคะ จะได้เอามาเปรียบเทียบขนาดของห้องและราคา
แนะนำเว็ปไซต์ หาห้องพักให้ดูพร้อมรายละเอียดต่างๆ
ไปที่เว็ปABLE(エイブル) สำหรับนักเรียน
4. สอบถามกับทางบริษัทจัดหาบ้าน
เมื่อได้ห้องที่ถูกใจแล้ว คราวนี้เราก็ทำการสอบถามบริษัทจัดหาห้องพัก ทางเมล์หรือทางโทรศัพท์ค่ะ ควรหาบริษัทจัดหาห้องพักที่ไว้ใจได้ และดูหลายๆบริษัทเพื่อเป็นการเลือกและเปรียบเทียบ
5.วนดูห้องพักกันเลย
เมื่อเราได้ไปพบพนักงานบริษัทจัดหาห้องพักแล้วและคิดว่าอยากจะไปดูบ้านหลังที่เราชอบ พนักงานก็จะพาเราไปวนดูห้องพักจริง เมื่อเราไปถึงห้องพักเพื่อความไม่ประหม่า ให้เรามาเช็ค 3 อย่างคือ ดูความเรียบร้อยของห้อง เช็คดูลัษณะภายนอกของอาคารโดยรวม เช็คบริเวณรอบๆโดยประมาณ
①เช็คดูความเรียบร้อยของห้อง
เช็คความเรียบร้อยภายในห้อง เช่น
-อากาศถ่ายเทสะดวกหรือเปล่า แสงอาทิตย์ส่องถึงหรือเปล่า เสียงรบกวนจากรถไฟหรือเปล่า และความกว้างของห้องเหมือนตามที่เราเห็นในรูปหรือเปล่า
-หน้าต่างมีกี่บาน ความกว้างของหน้าต่าง
-ห้องครัวและห้องอาบน้ำมีหน้าต่างหรือเครื่องดูดอากาศหรือเปล่า
-มีระเบียงหรือเปล่า และดูว่าระเบียงดูเป็นส่วนตัวและปลอดภัยหรือปล่าถ้าดูจากถนนด้านล่าง
-มีปลั๊กไฟกี่จุด ดูตำแหน่งปลั๊กเสียบทีวี ตำแหน่งโทรศัพท์ เป็นต้น
– มีที่วางตู้เย็น ที่วางเครื่องซักผ้า แนะนำให้นำที่วัดไปวัดขนาดด้วย
-ตู้เก็บของมีขนาดใหญ่แค่ไหน สูงแค่ไหน ใช้งานง่ายหรือเปล่าจุของได้แค่ไหน
-เช็คก๊อกน้ำ การไหลของน้ำว่าแรงแค่ไหน และห้องครัวมีอ่างล้างหรือเปล่า และที่เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวหรือเปล่า ดูจุกจิกแต่ว่เป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียวในการใช้ชีวิตประจำวัน
-อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น แอร์ เตาแก๊ส และหลอดไฟต่างๆมีหรือเปล่า เช็คดูว่าแอร์นั้นใช้งานได้หรือเปล่า ที่กดกริ่ง ใช้งานได้ดีหรือเปล่า ให้ทดสอบด้วย
-ภายในห้อง ตรวจสอบพื้นห้อง ว่าเป็นแบบไหน ทำความสะอาดได้ง่ายหรือเปล่า
หากมีตรงไหนที่มีรอยเปื้อน หรือมีรอยตำหนิ ก่อนเข้าอยู่จริงต้องเรียกร้องให้เจ้าของบ้านซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนจะดีที่สุดค่ะ
②เช็คดูลักษณะอาคารภายนอก
เมื่อเราเช็คความเรียบร้อยของภายในห้องเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาดูลักษณะอาคารภายนอกทั้งหลังกันค่ะ
-หากใครนึกถึงเรื่องความปลอดภัยให้เช็คว่ามีกล้องวงจรปิดหรือประตูอัตโนมัติหรือไม่
-ดูบรรยากาศรอบๆอาคารว่าเป็นพื้นที่แบบไหน เป็นพื้นที่อับ หรือเปล่าเปลี่ยวหรือไม่
-ดูพื้นที่ใช้ส่วนรวมหน้าอาคาร ทางเดินระเบียง มีขยะกองหรือเปล่า หรือมีของส่วนตัววางหรือไม่ ทำความสะอาดหรือเปล่า
-มีที่จอดรถจักรยานหรือไม่ เสียค่าใช้จ่ายหรือฟรี มีเนื้อที่ขนาดไหน มีหลังคาหรืเปล่าเป็นต้น
-มีลิฟท์หรือไม่ในกรณีที่สูงกว่า 5 ชั้นเป็นต้นไป ถ้าต่ำกว่านั้นส่วนใหญ่จะไม่มีลิฟท์
-จุดวางขยะมีลักษณะอย่างไร ดูว่าผู้พักอาคารนี้ได้ทำตามกฏกติกาหรือไม่
เป็นต้น
③เช็คบริเวณรอบๆ
ห้องพักที่อยู่เราต้องการพักต้องดูด้วยว่ามี สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร
โดยการให้ลองเดินไปดูตอนกลางวันในบริเวณนั้น และพอตกเย็นก็ไปเดินดูในตอนกลางคืนอีกที เพื่อจะเห็นข้อแตกต่าง และสภาพแวดล้อมที่แท้จริงนั่นเอง ให้เราเช็คดังนี้
-เช็คดูว่าเดินทางจากที่พักไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดใช้เวลาเท่าไหร่
-สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้สุดในเวลากลางคืน มีความสว่างมากน้อยแค่ไหน มีคนใช้มากน้อยแค่ไหน/ บรรยากาศที่หน้าสถานีรถไฟเป็นอย่างไร ครึกครื้น คนเยอะ หรือแสงสว่างเพียงพอมั้ย
-มีรถบัสหรือเปล่า / ที่หน้าสถานีรถไฟมีที่จอดรถจักรายานหรือเปล่า เสียค่าใช้จ่ายหรือฟรี เป็นต้น
สิ่งที่ควรมีอยู่ใกล้ห้องพักแล้วทำให้ชีวิตดีดี๊คือ
-ซุปเปอร์มาร์เก็ต
-คอมบินี ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา
-ห้องสมุด / ร้านหนังสือ
-สถานพยาบาล
-ที่ทำการไปรษณีย์
-ร้านอาหาร ร้านเบนโต
เมื่อเช็คทุกอย่างแล้วตกลงตัดสินใจว่าจะเอาห้องนี้ล่ะ ขั้นตอนต่อไปคือ
6. ดำเนินการลงทะเบียน ทำสัญญากัน申し込み・契約をしよう

หลังจากที่เราตัดสินใจว่าจะเอาห้องนี้ ก็จะเริ่มดำเนินการทำสัญญาเช่าห้องพักกัน โดยอาจจะมีการต่อรองราคากัน เช่นขอลดราคา ขอลดในส่วนของเงินให้เปล่า ขอให้ติดโน่นนี่ให้เพิ่ม ซ่อมจุดโน้นจุดนี้ให้หน่อย เป็นต้น ที่เราเห็นว่าน่าจะต่อรองได้ แต่หากห้องพักนั้นมีผู้สนใจเยอะก็จะยากที่จะต่อรองได้ เพราะถึงอย่างไร สุดท้ายเจ้าของบ้านก็จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้เราเช่าห้องหรือไม่ และที่แน่นอนที่สุดคือ ถ้าผ่านการพิจารณาจำเป็นต้องทำสัญญา แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เป็นเงื่อนไขสำคัญซึ่งบางทีถ้ามีคนสนใจหลายคน ไม่แน่เจ้าของบ้านอาจจะให้คนที่ไม่เรียกร้องอะไรไปก็ได้ หากเรียกร้องมากไปก็อาจจะทำให้เจ้าของบ้านหนีถอยก็เป็นได้
**สิ่งสำคัญคือ ต้องเตรียมเอกสารให้ครบก่อน เพื่อให้เจ้าของบ้านได้พิจารณาค่ะ
สิ่งที่ควรรูว่าตอนสมัครไปจนถึงทำสัญญา
หลังจากสมัครแล้ว ทางเจ้าของบ้านจะมีการตรวจสอบว่าผู้เช่ามีความสามารถในการจ่ายค่าเช่าหรือไม่ โดยดูจากเงินฝากธนาคาร หรืองานที่ทำ จึงจำเป็นต้องเตรียมเอกสารดังนี้คือ
เอกสารจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสัญญา
●บัตรประจำตัวประชาชนคนต่างชาติ
●อินคัน ตราปั๊มชื่อแทนลายเซ็นต์ผู้เช่า
●ชื่อและที่อยู่ที่ทำงานของผู้จะเช่า/ใบรับรองการทำงานของผู้เช่า
●ระยะเวลาการเข้าทำงาน
●ใบรับรองรายได้ (เอกสารเสียภาษี, เอกสารภาษีที่คืนมา )
●กรณีเป็นนักเรียนนักศึกษาให้ถ่ายเอกสารบัตรประจำตัวนักเรียนนักศึกษา
●ใบค้ำประกันของบริษัทค้ำประกัน(เอกสารเงื่อนไขต่างๆที่บริษัทค้ำประกันได้เซ็นต์ยินยอม)
*กรณีผู้ค้ำประกันเป็นคนญี่ปุ่นบุคคลธรรมดาค้ำประกัน ต้องโชว์รายได้ ทะเบียนบ้านญี่ปุ่น และปั๊มตราปั๊มอินคันด้วย
*กรณีผู้ค้ำเป็นบุคคลธรรมเป็นชาวต่างชาติแต่มีวีซ่าถาวร ต้องโชว์รายได้ บัตรประจำตัวประชาชนต่างชาติ และปั๊มตราปั๊มอินคันด้วย
*ถ้ากรณีผู้ค้ำเป็นบริษัทค้ำประกัน ตัวผู้เช่าจำเป็นต้องแสดงรายได้, บัตรประจำตัวประชาชนต่างชาติ และเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน อาจจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือต่างชาติที่มีวีซ่าถาวรก็ได้
7. ขั้นตอนการย้ายบ้าน
ช่วงเดือน มีนาคมและเดือนเมษายนเป็นช่วงเทศกาลย้ายบ้านของคนญี่ปุ่น ทำให้ค่าย้ายบ้านราคาสูงและอาจจะไม่สามารถจองเนื่องจากมีคนจองเต็มแล้วก็เป็นได้ หากอยากประหยัดงบประมาณ ให้หลีกเลี่ยงช่วง 2 เดือนที่กล่าวมาจะดีที่สุด และ ควรขนช่วงเช้าของวันธรรมดาจะได้ราคาที่ถูกกว่าเวลาอื่น หากใครที่อยู่คนเดียวข้าวของมีไม่เยอะก็อาจจะใช้ส่งไปรษณีย์เอาก็ได้ ราคาไม่แพง หรือจะใช้เพื่อนที่มีใบขับขี่เช่ารถยนต์และช่วยขนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ
แต่หากจำเป็นต้องใช้บริษัทขนย้ายของเนื่องจากของเยอะ จำเป็นต้องติดต่อบริษัทก่อนล่วงหน้า
ควรหาหลายๆบริษัทเพื่อให้ประเมินราคา และเปรียบเทียบ แต่ปัจจุบันก็สามารถประเมินจากในเน็ตก็ได้แล้ว โดยใส่ที่อยู่ของห้องพักที่เก่าและที่ใหม่ และจำนวนของเป็นต้น
ข้อมูลที่จำเป็นในการประเมินราคาคือ
-วันเวลาที่จะย้าย
-ปริมาณสิ่งของ, ขนาดของเฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้ามีกี่ชิ้น
-ที่อยู่ของที่อยู่ปัจจุบันและที่อยู่ใหม่ เพื่อดูระยะทาง
-มีลิฟท์หรือไม่ อยู่ชั้นไหน ถ้าชั้นสูงแต่ไม่มีลิฟต์ราคาก็จะสูงตาม
-ความกว้างของถนนหน้าอาคาร รถ 2 คันผ่านได้หรือไม่ หรือ ผ่านได้ แค่ 1 คันเป็นต้น
-มีของที่ต้องระวังเป็นพิเศษหรือไม่
-ผู้เช่าเป็นคนเก็บข้าวของเอง หรือจะให้บริษัทขนย้ายเก็บให้
-จะให้ทางบริษัทขนของทำการประกอบอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หรือไม่
เตรียมตัวขนย้ายของ
หากเราเลือกบริษัทขนย้ายได้แล้ว!
บริษัทจะส่งกล่องใส่เสื้อผ้าตามจำนวนที่ได้ระบุไป และ เทป เชือก และสติกเกอร์สีแดงระวังของแตก มาให้ เราก็เริ่มเก็บข้าวของตามลำดับดังนี้
- โดยปรกติไม่ค่อยใช้แล้ว
- เสื้อผ้าตามฤดูกาล หนังสือ งานอดิเรก
- ของใช้ที่ใช้เป็นประจำ
*หมายเหตุ
-สิ่งของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วทิ้งไป หรือขายตามรีไซเคิ้ล หนังสือเก่าก็ขายร้านหนังสือ
-สอบถามบริษัทขนของว่ามีบริการทิ้งสิ่งของที่ไม่ใช้ให้ฟรีหรือไม่ ถ้าเสียจะเสียเท่าไหร่
-เมื่อบรรจุของให้ในกรณีที่มีกล่องไหนที่ต้องระวังเป็นพิเศษให้ติดสติกเกอร์สีแดงระวังของแตก ที่บริษัทขนของส่งมาให้พร้อมกล่องใส่ของ
แล้วรอวันที่จะย้ายห้องกันเลย
8. สิ่งที่ต้องทำตอนจะย้ายห้องพักใหม่
เมื่อตัดสินใจจะย้ายเข้าไปห้องพักใหม่
สิ่งที่ควรทำไว้ก่อนย้าย
- 転出届(Tenshutsu-todoke)-ไปที่ว่าการอำเภอ โดยนำใบID บัตรประจำตัวประชาชนชาวต่างชาติ หรือพาสปอร์ต อินคันไปด้วย ให้ไปดำเนินการย้ายออกจากห้องที่พักปัจจุบัน เสร็จแล้วเราก็จะได้รับใบย้ายออกจากทางอำเภอ
- 国民年金・国民健康保険の手続き(Kokumin nenkin kokumin kenkohoken no tetsudzuki)-ให้ดำเนินการย้ายเอกสารบำเหน็จบำนาญ,ใบประกันสังคมหรือเอกสารสำคัญต่างๆ
- 郵便物の転送届(Yubinbutsu no tenso-todoke)-ไปดำเนินการเรื่องเปลี่ยนที่อยู่ที่ว่าทำการไปรษณีย์ เพื่อให้ส่งไปยังที่อยู่ใหม่ทั้งหมด
- 電気・ガス・水道の手続き(Denki ・gasu・suido no tetsudzuki)-ต้องโทรไปดำเนินการปิดทำการจ่ายไฟฟ้า แก๊ส และน้ำประปาด้วยตัวเอง เบอร์โทรศัพท์จะมีอยู่ในเอกสารที่ทางเจ้าของบ้านยื่นให้ตั้งแต่แรกเข้า *แก๊สจะมีพนักงานมาปิดให้และต้องจำเป็นต้องมีลายเซ็นต์
- ให้ดำเนินการเปลี่ยนที่อยู่ สถาบันการเงิน บริษัทเครดิตการ์ด บริษัทมือถือที่เราใช้บริการ ทีวีNHKเป็นต้น ดำเนินการสิ่งที่จำเป็นก่อน
- ให้เตรียมประกอบหลอดไฟ และผ้าม่านก่อนเข้าย้ายให้เรียบร้อย เพื่อไปถึงวันแรกของการย้าย จะได้มีไฟฟ้าใช้ และผ้าม่านปิดกั้น เพื่อไม่ให้คนภายนอกเห็นข้างในห้องเรานั่นเอง
สิ่งที่ควรทำหลังจากย้ายเข้าบ้านแล้ว
- 転入届(Tennyutodoke)-หลังเข้าจากย้ายเข้าไปอยู่ห้องใหม่แล้ว ให้รีบดำเนินการที่ว่าการอำเภอ ไม่เกินภายใน 14 วัน โดยนำใบย้ายที่ได้รับจากที่ว่าการอำเภอเก่ารวมทั้งนำเอกสารยืนยันตัวตนเช่นบัตรประจำตัวประชาชนต่างชาติ และ อินคัน นำติดตัวไปเพื่อดำเนินการย้ายเข้า
- 国民年金・国民健康保険の手続き(Kokumin nenkin kokumin kenkohoken no tetsudzuki)-ให้ดำเนินการย้ายให้ดำเนินการย้ายเอกสารบำเหน็จบำนาญ,ใบประกันสังคมหรือเอกสารสำคัญต่างๆ
- โทรศัพท์หาที่ว่าการไฟฟ้า แก๊ส ประปา เพื่อให้เปิดใช้งานที่ใหม่ แก๊สจะต้องรอเจ้าหน้าที่มาเปิดแก๊สให้และเราต้องเซ็นต์ชื่อ
การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มในญี่ปุ่นสิ่งที่ต้องห้ามที่ควรรู้ว่าและใส่ใจคือ
-ไม่ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน
-ไม่เปิดเพลงเสียงดัง เพื่อไม่ให้โดนเคลมให้หลีกเลี่ยงเปิดเสียเพลงกลางดึกและเช้าตรู่
-ทักทายคนช้างห้อง เจอกันหน้าลิฟท์ก็ทักทาย สวัสดี ถามไถ่ว่าเราเสียงดังหรือเปล่า
-ทิ้งขยะ ทำตามกฏ
แยกขยะให้ถูกต้อง อันไหนขยะแห้ง ขยะเปียก ขยะเผาได้ ขยะรีไซเคิ้ลเป็นต้น ให้ทำตามกฏ
นอกจากนี้จำเป็นต้องรู้ด้วยว่า ขยะไหนทิ้งวันไหน โดยปรกติจำเป็นต้องทิ้งตอนเช้าตรู่ก่อนเจ้าหน้าที่ขนของจะมาขนของ และไปวางไว้ที่จุดทิ้งขยะตามที่วางไว้ ขยะเผาได้ เป็นขยะที่ต้องห้ามวางก่อน หนึ่งวันเพราะที่ญี่ปุ่นจะมีกาดำที่คอยจิกของเน่าเสีย ทำให้ส่งกลิ่นเหม็นและสกปรก ทำให้ต้องหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
เพียงแค่นี้คุณจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ได้อย่างสบายใจสบายกายแล้วค่า
คำศัพท์สำคัญที่อยากแนะนำในการค้นหาห้องพัก
駅・路線から探す(Eki rosen kara sagasu) ค้นจากสายรถไฟและสถานีรถไฟ
地域から探す (Chiiki kara sagasu) ค้นจากจากเขตหรือเมือง
路線を選択してください(Rosen o sentaku shite kudasai) กรุณาเลือกสายรถไฟ
駅を選択してください (Eki o sentaku shite kudasai) กรุณาเลือสถานีรถไฟ
検索条件の設定・変更 (Kensaku joken no settei henko) ตั้งค่าเงื่อนไขการค้นหา เปลี่ยนแปลง
詳細条件 (変更する)(Shosai joken (henko suru )) ลายระเอียดเงื่อนไข (ทำการเปลี่ยนแปลง)
賃料 (Chinryo) ค่าห้อง
共益費(Kyōeki-hi) ค่าส่วนกลาง/管理費を含む(Kanri-hi o fukumu) ค่าจัดการ
敷金(Shikikin) ค่าประกันความเสียหาย
礼金(Reikin) ค่าให้เปล่า/ค่าขอบคุณ
専有面積(Sen’yū menseki) ขนาดของห้อง
間取り(Madori) แปลนห้อง
駅徒歩分(Eki toho-bun) เดินจากสถานีรถไฟ/นาที
築年数(Chikunensū) อายุของตึกนี้
建物構造 (Tatemono kōzō)โครงสร้างของตึก
画像 (Gazo)รูปภาพ / 図面あり(Zumen ari) มีแผนผัง /その他画像あり /パノラマ画像ありPanorama gazō ari
こだわり条件 (Kodawari jōken) เงื่อนไขพิเศษ
位置 Ichiสถานที่ต้ัง
1階の物件 (Ikkai no bukken) ห้องที่อยู่ชั้น 1
2階以上 (Ni Kai ijo) ห้องที่อยู่ชั้น 2 ขึ้นไป
最上階 (Saijokai) ห้องที่อยู่ชั้นบนสุด
角部屋 (kado beya) ห้องที่อยู่มุม
南向き (minami-muki) ห้องที่อยู่ทางทิศใต้
条件Jōken เงื่อนไข
楽器相談Gakki sōdan เครื่องดนตรีสามารถปรึกษาได้
事務所可Jimusho-kaอนุญาตให้เปิดสำนักงานได้
二人入居可(Futari Nyukyo-ka) สามารถเข้าอยู่ 2 ท่านได้
女性限定(Josei gentei) จำกัดเฉพาะผู้หญิง
高齢者歓迎(Korei-sha kangei) ต้อนรับผู้สูงอายุ
ペット相談可(Petto sodan-ka) สามารถปรึกษาเลี้ยงสัตว์ได้
ルームシェア可(Rumushea-ka) รูมแชร์ได้
フリーレント(Furirento) ไม่มีค่าเช่า (Free rent)
保証人不要 (Hoshonin fuyo) ไม่จำเป็นต้องมีคนค้ำประกัน
キッチン (Kitchin)ห้องครัว
ガスコンロ設置済 (Gasukonro setchi sumi) เตาแก๊สที่ประกอบเรียบร้อยแล้ว
バス・トイレBasu toire ห้องสุขาและห้องอาบน้ำ
バス・トイレ別 Basu toire-betsu ห้องสุขา และห้องอาบน้ำแยกกัน
浴室乾燥機 (Yokushitsu kanso-ki) เครื่องดูดอากาศ
洗面所独立(Senmenjo dokuritsu)ที่ล้างมือแยกต่างหาก
室内洗濯機置場(Shitsunai sentakuki okiba) มีจุดวางเครื่องซักผ้าภายในห้อง
セキュリティ(Sekyuriti)ระบบความปลอดภัย
オートロック(Otorokku) ประตูล็อคอัตโนมัติ
防犯カメラ(Bohan kamera) กล้องวงจรปิด
TVモニタ付インターホン(TV monita-tsuki intāhon) มีกล้องทีวีมอร์นิเตอร์
管理人常駐(Kanrinin jochu)ผู้ดูแลบ้าน
宅配ボックス(Takuhai bokkusu) กล่องรับพัสดุ
冷暖房 (Reidanbo)แอร์ ดันโบ
設備・サービス(Setsubi sabisu)อุปกรณ์ การบริการ
都市ガス(Toshi gasu)แก๊ส(เมือง)
フローリング(Furoringu)ห้องปูพื้นไม้
バルコニー(Barukoni)ระเบียง
ロフト付き(Rofuto-tsuki) ห้องสไตล์ลอฟท์
エレベーター(Erebeta) ลิฟต์
駐車場・駐輪場 (Chushajo churinjo) ที่จอดรถยนต์ ที่จอดจักรยาน