วัด ศาลเจ้า ปราสาทเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง

ตระเวนขอพรความรัก! กับศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ที่ Meiji Shrine

By April 29, 2016 No Comments

ตระเวนขอพรความรัก! กับศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ที่ Meiji Shrine นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มา เที่ยวญี่ปุ่น ส่วนใหญ่มีจุดประสงค์หลักคือการได้ชื่นชมและสัมผัสกับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะการเที่ยวชมศาลเจ้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและสถาปัตยกรรมที่งดงาม ซึ่งสามารถสะกดใจผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดีค่ะ ยิ่งถ้านักท่องเที่ยวได้รู้ว่าศาลเจ้าแต่ละที่นั้นขอพรสิ่งใดแล้วได้ผลตามที่ขอ ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสนุกกับการขอพรศาลเจ้านั้นๆได้เป็นอย่างดีเลยว่ามั้ยคะ

ศาลเจ้าญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนวัดของไทยตรงที่ ศาลเจ้าญี่ปุ่นนั้นเป็นแหล่งรวมพลังงานศักดิ์สิทธิ์และสามารถขอพรด้านต่างๆได้ค่ะโดยเฉพาะการขอพรด้านความรักที่เป็นที่นิยมกันมากในญี่ปุ่นยุคปัจจุบันค่ะ วันนี้เราเลยขอเสนอศาลเจ้าที่มีความขลังและให้พรเรื่องความรักมามาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ เมจิจินกุ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในกรุงโตเกียวที่เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงการให้พรเรื่องความรักค่ะ ใครที่มีปัญหาด้านความรัก หรือมีความกังวลเรื่องความรัก หากมีโอกาสมาเที่ยวที่โตเกียวลองแวะไปขอพรกันดูนะคะ

นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาเที่ยวญี่ปุ่น ส่วนใหญ่มีจุดประสงค์หลักคือการได้ชื่นชมและสัมผัสกับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะการเที่ยวชมศาลเจ้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและสถาปัตยกรรมที่งดงาม ซึ่งสามารถสะกดใจผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดีค่ะ ยิ่งถ้านักท่องเที่ยวได้รู้ว่าศาลเจ้าแต่ละที่นั้นขอพรสิ่งใดแล้วได้ผลตามที่ขอ ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสนุกกับการขอพรศาลเจ้านั้นๆได้เป็นอย่างดีเลยว่ามั้ยคะ

ศาลเจ้าญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนวัดของไทยตรงที่ ศาลเจ้าญี่ปุ่นนั้นเป็นแหล่งรวมพลังงานศักดิ์สิทธิ์และสามารถขอพรด้านต่างๆได้ค่ะโดยเฉพาะการขอพรด้านความรักที่เป็นที่นิยมกันมากในญี่ปุ่นยุคปัจจุบันค่ะ วันนี้เราเลยขอเสนอศาลเจ้าที่มีความขลังและให้พรเรื่องความรักมามาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ เมจิจินกุ ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในกรุงโตเกียวที่เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงการให้พรเรื่องความรักค่ะ ใครที่มีปัญหาด้านความรัก หรือมีความกังวลเรื่องความรัก หากมีโอกาสมาเที่ยวที่โตเกียวลองแวะไปขอพรกันดูนะคะ

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับศาลเจ้าเมจิจินกุ กันก่อนดีกว่าค่ะ

หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงลือนามของ ศาลเจ้าเมจิจินกุ มาบ้างแล้วใช่มั้ยค่ะ ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่เขตชิบุย่าใจกลางกรุงโตเกียวซึ่งมีเนื้อที่กว้างประมาณ 7หมื่นตารางเมตร และศาลเจ้าถูกล้อมรอบไปด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ค่ะ ซึ่งเป็นป่าที่ถูกปลูกโดยชาวบ้านกว่า1แสนต้นค่ะ ถ้าหลงเข้าไปก็อาจจะไม่นึกว่าอยู่กลางกรุงโตเกียวกันเลยทีเดียวค่ะ

Meiji Shrine

ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จในปีค.ศ.1920 ตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิและภรรยาค่ะ และในขณะเดียวกันก็มีการปลูกต้นการบูรขึ้นที่หน้าห้องโถงสักการะ เชื่อกันว่าต้นการบูรคู่นี้เป็นต้นไม้ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ด้านความรักค่ะ แต่แล้วศาลเจ้าแห่งนี้ได้ถูกเผาทำลายลงจากสงครามแปซิฟิกในปีค.ศ. 1945 ปัจจุบันศาลเจ้าเมจิจินกุที่เราเห็นอยู่นี้ได้มีการฟื้นฟูบูรณะขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1958 นั่นเองค่ะ 

ในปีหนึ่งๆมีผู้เข้ามากราบไหว้สักการะศาลเจ้าแห่งนี้กว่า10ล้านคนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีใหม่จะมีผู้มากราบไหว้ขอพรกันกว่า 3 แสนกว่าคนเลยทีเดียวค่ะ(ข้อมูลปีค.ศ.2016)ซึ่งจะเห็นได้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่นิยมทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติรวมถึงชาวไทยเราเป็นอย่างมากค่ะ และที่สำคัญในปีค.ศ. 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกนั้นศาลเจ้าเมจิจินกุเองก็จะมีอายุครบ 100 ปีพอดีค่ะ ซึ่งก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณกันเลยทีเดียวค่ะ ใครที่ไม่ชอบคนเยอะๆ ก็รีบไปชมก่อนจะถึงปีค.ศ. 2020 จะดีกว่าค่ะ

เกริ่นมาซะยาวเลยเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน เราไปชมศาลเจ้ากันเลยดีกว่าค่ะ


นั่งรถไฟไปลงที่สถานีรถไฟHarajuku ออกทางประตูOmotesando แล้วเดินตรงไป 

 หากใครกลัวหลงทางก็มีป้ายบอกทางและแผนที่ให้ดูอยู่ตรงทางออกค่ะ สบายใจได้เลย


เลี้ยวขวาเจอสะพานชินบะชิ ลานกว้างๆ และเจอเสาโทริอิขนาดใหญ่ค่ะ ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ค่ะ 

เชื่อกันว่าจากเสาโทริอิไปถึงทางเดินเข้าศาลเจ้านั้นมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ให้พรด้านความรัก ยิ่งถ้าเดินไปด้วยและอธิษฐานขอพรไปตามถนนทางเดินไปทางศาลเจ้าก็จะสมหวังตามที่ขอค่ะ อย่าลืมโค้งคำนับก่อน 1 ที ก่อนลอดใต้เสาโทริอินะคะ 

บรรยากาศถนนที่เดินไปศาลเจ้าค่ะ สองข้างทางเป็นป่าเขียวขจีซึ่งดูสดชื่นสบายตามากเลยค่ะ เสียดายวันที่ไปฝนตกหนักเลยอาจจะถ่ายรูปมาไม่สวยเท่าไหร่

ถังไวน์ตั้งโชว์ ว่ากันว่าจักรพรรดิเมจินั้นทรงโปรดปรานไวน์เป็นอย่างมากค่ะ จึงเป็นที่มาของถังไวน์ตั้งโชว์เพื่อระลึกถึงพระจักรพรรดิเมจินั่นเองค่ะ

ถังเหล้าสาเกวางเรียงตั้งโชว์ไว้อย่างสวยงามค่ะ จุดนี้เป็นจุดที่นิยมถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวค่ะ

เดินไปหน่อยก็จะเจอโทริอิอันดับ 2ค่ะ เป็นเสาโทริอิที่สร้างมาจากเนื้อไม้แท้ๆทั้งต้น ซึ่งเป็นต้นสนฮิโนกิซึ่งได้มาจากประเทศไต้หวัน มีอายุกว่า1,500ปี ด้วยความสูง12เมตร กว้าง 17เมตรทำให้เสาโทริอินี้เป็นเสาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในบรรดาเสาโทริอิที่สร้างจากเนื้อไม้ทั้งต้นค่ะ ควรเดินตรงขอบทางเดินนะคะ เพราะเชื่อว่าตรงกลางของถนนนี้เป็นทางผ่านของเทพเจ้าค่ะ

จุดล้างมือค่ะ

ล้างมือก่อนไหว้ศาลเจ้า เพื่อเป็นการชำระจิตใจและร่างกายให้สะอาดก่อนจะไปขอพรค่ะ

มีคำอธิบายวิธีและขั้นตอนการล้างมือเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ


ก่อนเข้าไปไหว้ศาลเจ้า เรามาล้างมือกันก่อนดีกว่าค่ะ
  1. ใช้มือขวาจับกระบวยขึ้นมา ตักน้ำขึ้นมา แล้วเทน้ำล้างมือซ้าย
  2. เปลี่ยนจับกระบวยด้วยมือซ้าย ล้างมือขวา
  3. แล้วเปลี่ยนจับกระบวยด้วยมือขวา เทน้ำใส่อุ้มมือซ้ายแล้วนำมาบ้วนปาก
  4. เมื่อบ้วนปากเสร็จแล้ว ล้างมือซ้ายอีกรอบ
  5. สุดท้ายนำกระบวยตั้งฉากขึ้นเพื่อให้น้ำล้างที่จับกระบวย เสร็จแล้วก็นำไปวางคว่ำที่เดิม

※ห้ามนำกระบวยตักน้ำดื่มโดยตรงค่ะ

  เสาโทริอันดับที่3 โค้งคำนับ 1ทีแล้วค่อยเดินเข้าไปข้างในกันค่ะ

สำหรับใครที่อยากซื้อเครื่องรางติดตัวกลับบ้านก็ลองแวะซื้อเครื่องรางได้ค่ะ สถานที่ตั้งอยู่ทางขวามือก่อนจะเข้าไปในตัวศาลเจ้าค่ะ

ซุ้มประตูทางเข้าไปในศาลเจ้า

บรรยากาศภายในศาลเจ้า นี่ขนาดวันนี้ฝนตกหนัก ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นชาวต่างชาติมากราบไหว้กันเป็นจำนวนมากค่ะ

วิธีการไหว้ศาลเจ้า

โยนเหรียญเข้ากล่องรับเงิน แล้วโค้งคำนับ 90 องศา 2 ครั้ง แล้วพนมมือขึ้นปรบมือ 2 ที เสร็จแล้วพนมมือค้างไว้และขอพรจากเทพเจ้าค่ะ เมื่อขอพรเสร็จก็เอามือลง แล้วโค้งคำนับ 90 องศา อีก 1 ครั้ง ค่ะ 

 เมื่อขอพรเสร็จเราเดินมาทางด้านหน้าฝั่งขวาของห้องโถงสักการะนี้ มีสถานที่แผ่นไม้เขียนขอพรค่ะ เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็นำไปแขวนไว้ตรงจุดนี้ค่ะ ซึ่งจุดนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากเช่นกัน 

ส่วนด้านหน้าฝั่งซ้ายของหน้าห้องโถงสักการะนี้คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เราจะพูดถึงวันนี้ค่ะ ต้นการบูรศักดิ์สิทธิ์ หรือต้นสามีภรรยา(Meotokusu) เป็นจุดที่นิยมขอพรด้านความรักกันมากที่สุดของชาวญี่ปุ่นค่ะ มีการผูกเชือกเชื่อมระหว่าง 2 ต้นเข้าด้วยกัน ซึ่งมีชื่อ เมโอโตคุซุ เป็นสัญลักษณ์ ความปรองดองของคู่สามีภารยาและครอบครัวสุขสันต์ ใครที่อยากเจอรักแท้ หรือ อยากเสริมดวงความรักให้ดียิ่งขึ้นหรือใครที่คบกันมานานและอยากแต่งงานเร็วๆล่ะก็ สามารถไปขอพรกันได้ค่ะ และเชื่อกันว่าหากมีวิธีการไหว้ที่ถูกต้องก็จะได้ผลเร็วขึ้น มีวิธีที่การไหว้ที่บอกต่อกันมาคือ หลังจากที่ขอพรหรือไหว้สักการะที่ห้องโถงเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินไปที่หน้าต้นการบูรศักดิ์สิทธิ์ แล้วหันหน้าไปทางห้องโถงแล้วก็อธิษฐานขอพรเรื่องความรักก็จะสมหวังค่ะ แต่ทว่า ต้นการบูรศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นต้นไม้ที่บริสุทธิ์ค่ะ ดังนั้นจึงห้ามจับต้องหรือลูบไล้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้นะคะ เพราะอาจจะมีผลทำให้การขอพรนั้นไม่สมหวังได้ค่ะ เจ้าหน้าที่นี่ได้บอกว่ามีหลายคนที่มาขอพรแล้วประสบความสำเร็จเรื่องความรักเป็นเรื่องจริงค่ะ และคนที่มาขอพรความรักที่นี่แล้วประสบความสำเร็จก็จะมาจัดงานแต่งงานขึ้นที่ศาลเจ้าแห่งนี้ค่ะ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงเรื่องการจัดงานแต่งอยู่แล้ว ซึ่งมีจัดเกือบทุกวันค่ะ 

คราวนี้เรามาลองดูเครื่องรางของขลังกันคะ

สำหรับคนโสดมีเครื่องรางอยู่ 2 ชนิดให้เลือกกันค่ะ
เครื่องรางเสริมดวงความรัก(แบบผ้าปักด้วยลายดอกไม้)

เป็นเครื่องรางที่เป็นผ้าถูกปักด้วยลายดอกไม้สวยงาม เสริมดวงเรื่องความรัก ทำให้เจอเนื้อคู่เร็วขึ้นค่ะ เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่อยากเจอเนื้อคู่เร็วๆค่ะ

เครื่องรางเสริมดวงความรัก(แบบที่ห้อยพวงกุญแจรูปหัวใจน่ารัก)

เป็นเครื่องรางที่อยากแนะนำสำหรับคนโสด พกติดตัวไว้เสริมดวงเรื่องความรัก ทำให้ได้เจอเนื้อคู่เร็วขึ้นค่ะ โดยส่วนตัวเคยซื้อเครื่องรางนี้เหมือนกันเมื่อหลายปีก่อนค่ะแอบบอกว่าได้ผลจริงนะคะ 

เครื่องรางเสริมดวงสำหรับคู่รัก(แบบที่ห้อยพวงกุญแจคู่)

เครื่องรางเสริมดวงนี้มี 2สี คือน้ำเงินกับสีชมพูอ่อนๆ น่ารักค่ะ เชื่อกันว่าสามารถเสริมดวงเรื่องความรักให้รักกันมากขึ้นและยาวนาน ที่สำคัญเชื่อกันว่าเครื่องรางนี้เปรียบเสมือนหัวใจของทั้งคู่ที่เชื่อมต่อกันตลอดเวลา สามารถถือติดตัวได้คนละอันเลยค่ะ เหมาะสำหรับคู่รักค่ะ

เครื่องรางเสริมดวงสำหรับคู่สามีภรรยา โซวามะโมริ

จะมีกลิ่นอโรม่าที่หอมของต้นการบูรศักดิ์สิทธิ์ เครื่องรางนี้เสริมดวงเรื่องความรักและการปรองดองของสามีภรรยา และความปลอดภัยของครอบครัวและอยู่เย็นเป็นสุขค่ะ

  เป็นยังไงกันบ้างค่ะ เดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้วถ้าเกิดหิวขึ้นมา ที่นี่เขาก็มีร้านอาหารคอยให้การบริการด้วย ลองไปใช้บริการกันดูนะคะ 

ตรงนี้เป็นร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ติดกับร้านขายของที่ระลึกค่ะ โปร่งโล่งกว้างขวางดีค่ะ

และหากใครที่อยากหาซื้อของฝากติดตัวกลับบ้าน เชิญทางนี้เลยค่ะ ที่นี่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกค่ะ

ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกจะอยู่ทางขวาก่อนจะถึงที่ตั้งโชว์ถังเหล้า ไวน์ค่ะ 

ต้องขอขอบพระคุณคุณโยชิดะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์(PR)ของศาลเจ้าเมจิที่ให้ข้อมูลดีๆเกี่ยวกับศาลเจ้าเมจิค่ะ

ที่อยู่

1-1Yoyogikamizono cho Shibuya-Ku Tokyo
東京都渋谷区代々木神園町1-1

MAP

สามารถเดินทางได้ 3 เส้นทางคือ

1.สถานีรถไฟHarajuku Station สาย JR Yamanote <ฝั่งOmotesando>

เดินไปถึงศาลเจ้าหลักใช้เวลาประมาณใช้เวลาประมาณ 12 นาที

2.สถานีรถไฟYoyogi สาย JR Yamanote <ฝั่งทิศเหนือ>

เดินไปถึงศาลเจ้าหลักใช้เวลาประมาณ 13 นาที

3.สถานีรถไฟSangubashi สาย Odakyo <ฝั่งตะวันตก>

เดินไปถึงศาลเจ้าหลักใช้เวลาประมาณใช้เวลาประมาณ 9 นาที

URL : http://www.meijijingu.or.jp/index.html

Leave a Reply