ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือเป็นที่รู้จักกันในภาษาญี่ปุ่นว่า KOYO ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมายเช่นเดียวกับช่วงซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ ทัศนีย์ภาพในช่วงใบไม้ค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นความงามที่สามารถดึงดูดผู้คนมานับศตวรรษ จวบจนปัจจุบันนี้ทั่วทุกที่ในญี่ปุ่นก็ยังมีจุดชมวิวไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุทยาน วัด ภูเขา เป็นต้น และใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ช่วงประมาณปลายเดือนกันยายน ไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนเลยค่ะ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและพื้นที่นั้นๆ)

Nasu Highland (around Mt. Nasu-dake)-1

ปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม
นิเซโกะ จังหวัดฮอกไกโด (Niseko, Hokkaido)
จุดสูงสุดแห่งหนึ่งในจังหวัดฮอกไกโด มีทั้งทะเลสาบ ปีนเขา น้ำพุร้อน พื้นที่เล่นกอล์ฟ แคนนู เล่นร่มร่อน (Paragliding) กับชิมเบียร์พื้นเมืองสดๆ

ฮาจิมันไต, จังหวัดอิวาเตะ (Hachimantai, Iwate)
เส้นทางพิเศษ Jukai Line และ Aspite Line เป็นเส้นทางขึ้นเขาที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของทะเลสาบและใบไม้เปลี่ยนสีที่บานสะพรั่งทั่วทั้งเขา

ภูเขานาสึ ดาเกะ จังหวัดโทจิงิ และจังหวัดฟุกุชิมะ (Mt. Nasu-dake, Tochigi / Fukushima)
ตรงไปที่ชั้นล่างของสถานีกระเช้าซันโรคุ (Sunroku Cable Car) และสนุกไปกับการชมใบไม้ที่ค่อยๆเปลี่ยนสีจากเขียว เหลือ ส้ม และแดง การปีนเขาที่นี่ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น และในช่วงเย็นก็สามารถไปพักผ่อนได้ที่ นาสึ ยุโมโตะ ออนเซ็น สปา (Nasu Yumoto Onsen) ได้อีกด้วยนะคะ

เนินเขาโทงากุชิ จังหวัดนางาโนะ (Togakushi Heights, Nagano)
ห้ามพลาดเลย สำหรับศาลเจ้าโทงาคุชิ (Togakushi Shrine) และเส้นทางปีนเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้ตามธรรมชาติบนภูเขา และอาจจะเห็นกระต่าย หรือกระรอกป่าด้วยก็ได้ และใกล้ๆกันนี้ก็ยังมี Soba Noodle Museum ด้วย

ชิงะ โคเง็น จังหวัดนางาโนะ (Shiga Kogen, Nagano)
สถานที่จัดการแข่งขันสกีอัลไพน์ในกีฬาโอลิมปิค เมื่อฤดูหนาวในปี 1998 แห่งนี้ มีเส้นทางเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีมากกว่า 20 เส้นทางที่ไม่ว่าจะใช้เส้นทางไหนก็ประทับใจอย่างแน่นอน

zao echo line-1

ต้นเดือนตุลาคม ถึง กลางเดือนตุลาคม
อุทยานแห่งชาติโอนุมะ จังหวัดฮอกไกโด (O-numa Quasi National Park, Hokkaido)
วิวจากภูเขาโคมางาดาเกะ (Mt.Komagadake) ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาบโอนุมะนั้นทำให้เห็นทัศนียภาพของใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างกว้างขวาง และการเดินเล่นรอบๆทะเลสาบโอนุมะ และโคนุมะ ชมวิวไปเรื่อยๆ ก็ทำให้รู้สึกได้สัมผัสกับธรรมชาติ และผ่อนคลายจากการเดินทางอีกด้วย

ภูเขาซาโอะ จังหวัดยามางาตะ และจังหวัดมิยางิ (Mt. Zao-san, Yamagata / Miyagi)
ขับรถชมวิวไปเรื่อยๆที่เส้นทางพิเศษ Zao Line และ Zao Echo Line และไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสีในมุมกว้าง หลังจากนั้นก็ไปพักผ่อนที่ Zao Onsen

เนินเขายัทสึงาทาเกะ จังหวัดนางาโนะ และจังหวัดยามานาชิ (Yatsugatake Heights, Nagano / Yamanashi)
เนินเขายัทสึงาทาเกะ มีทางขึ้น 2 ฝั่ง ฝั่งทางใต้เป็นป่าและหิน ส่วนฝั่งทางเหนือเป็นป่าหนาทึบ และทะเลสาบ บริเวณเชิงเขานี้ก็ยังมีโรงแรม และรีสอร์ทมากมาย ไว้สำหรับพักผ่อน และชมความงามของธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี

เส้นทางซุบารุ ภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดชิซุโอกะ และจังหวัดยามานาชิ (Subaru Line, Mt. Fuji, Shizuoka / Yamanashi)
เส้นทางพิเศษซุบารุเชื่อมต่อกับทะเลสาบคาวางูชิโกะ กับบริเวณเชิงเขาของภูเขาไฟฟูจิ หากขับรถไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถมองเห็นทะเลสาบทั้ง 5 แห่งที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ และ Japan Alps ที่เป็นแนวกั้นบริเวณพื้นที่รเลียงผาญี่ปุ่น

towada lake-1

กลางเดือนตุลาคม – ปลายเดือนตุลาคม

ทะเลสาบโทวาดาโกะ จังหวัดอาคิตะ และจังหวัดอาโอโมริ (Lake Towada-ko, Akita / Aomori)
ประทับใจกับการนั่งเรือไปยังช่องเขาบริเวณโอคุอิริเสะ (Okuirise) การเดินเท้าไปยังบริเวณช่องเขาจะผ่านน้ำตกทั้ง 14 แห่ง และมีทิวทัศน์ที่สวยงามของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมตลอดทาง

แม่น้ำคินุงาวะ จังหวัดโทจิงิ (Kinugawa River, Tochigi)
แม่น้ำคินุงาวะที่มีชื่อเสียในเรื่องเรียวกังที่มีบ่อน้ำพุร้อน หากได้เข้าพักในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพียงแค่มองไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นวิวภูเขาที่ประดับไปด้วยใบไม้หลากสี และนิกโก้มรดกโลกของจังหวัดโทจิกิ ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ สามารถแวะไปเที่ยวที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ น้ำตกเคงอน หรือที่เที่ยวอีกมากมายได้ที่นี่

คารุอิซาวะ จังหวัดนางาโนะ (Karuizawa, Nagano)
คารุอิซาวะ เป็นสถานที่พักตากอากาศในฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น แต่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงความนิยมก็ไม่ได้ต่างกัน ด้วยธรรมชาติที่สวยงาม และมีร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร หรือแม้แต่พิพิธภัณฑ์ที่คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

Eikando temple kyoto-1

กลางเดือนพฤศจิกายน – ปลายเดือนพฤศจิกายน

หุบเขาโยโระ จังหวัดชิบะ (Yoro Valley, Chiba)
ทางเดินขึ้นหุบเขาโยโระมีด้วยกันถึง 8 เส้นทาง แต่ละทางจะใช้เวลาในการเดิน 4-8 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางเดินไหนก็นับเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะซึมซับธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างดี หลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆ ที่คาโมงาวะ ก็มีอาหารเย็นแบบซีฟู้ดคอยให้บริการด้วยนะ

พระราชวังอิมพีเรียล จังหวัดโตเกียว (Imperial Palace, Tokyo)
ที่นักท่องเที่ยวหลายท่านอาจไม่ทราบว่าก่อน ว่าโตเกียวเองก็มีจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีด้วย เมื่อเดินเล่นลัดเลาะไปตามทางใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลนั้น ก็มีต้นกิงโกะ หรือต้นแปะก๊วยอยู่เต็มทางเดินย่านกินซ่าเช่นกัน

อาราชิยามะ จังหวัดเกียวโต (Arashiyama, Kyoto)
ฤดูใบไม้ร่วงบนแม่น้ำสายโฮทสึงาวะ สามารถล่องเรือหรือรถไฟ (Toy Train) เพื่อชมวิวอันงดงามของแม่น้ำและใบไม้เปลี่ยนสีได้จากสะพานโทเง็ทสึ และก่อนจบทริปก็อย่าลืมแวะขอพรที่วัดโจจัคคุจิด้วยนะ

วัดเออิคันโดะ จังหวัดเกียวโต (Eikando Temple, Kyoto)
ความงดงามของใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงทั่วทั้งสวน พร้อมจิบชาเขียวร้อนๆ และ Yu-Dofu ขนมหวานญี่ปุ่น วัดเออิคันโดะยังจัดแสดงไฟในช่วงกลางคืนของเดือนพฤศจิกายนเข้าให้ชมอีกด้วย

ปราสาทคุมาโมโต้ จังหวัดคุมาโมโต้ (Kumamoto Castle, Kumamoto)
ชั้นล่างของปราสาทคุมาโมโต้ เต็มไปด้วยสีเหลืองทองของต้นแปะก๊วย ข้างกันนั้นยังมีสวนซุยเซ็นจิโคเอ็นที่มีพื้นที่กว้างขวางให้เดินเล่นชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้อีกด้วย

Yoro-keikoku-Valley-1

*ก่อนเข้าชมต้องเช็คอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ เนื่องจากช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีช้าหรือเร็วจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และช่วงเวลาที่ระบุนี้เป็นเพียงการคาดคะเนโดยใช้สถิติในปีก่อนๆ เป็นเกณฑ์นะคะ

Leave a Reply