Le 1er octobre 2019Le Japon a augmenté la taxe à la consommation ou la TVA de 8% à 10% et de nombreux magasins non réglementés appliquent des taux de taxe différents pour chaque produit. Pour les touristes, devront payer pour la nourriture et voyager plus cher.
Ce qui suit impose également une taxe de 8%
>สินค้าที่ซื้อจากตลาดสด หรือ ซุปเปอร์มาร์เก็ต สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ข้าว, ผัก, เนื้อสัตว์, เนื้อปลา, ผลิตภัณฑ์นม, ขนมปัง, ผลิตภัณฑ์ขนม, น้ำดื่ม, น้ำแร่, เบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องปรุงที่มีส่วนผสมของเหล้าหวาน, มิริน (ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 1%)
>สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม (non-alcohol) ที่ซื้อกลับมากินที่บ้าน (Take out)
>สินค้าที่เป็นอาหารบรรจุมาพร้อมของเล่นที่มูลค่าไม่เกิน 10,000 เยน โดยที่มูลค่าของอาหารเพียงอย่างเดียวต้องเป็น 2 ใน 3 หรือมากกว่าของราคาทั้งหมด
>อาหารและเครื่องดื่ม (non-alcohol) ที่ซื้อภายในโรงภาพยนตร์, สวนสนุก และสนามกีฬา แล้วนำมาบริโภคยังที่นั่งนอกร้านอาหาร (ที่นั่งพักในสวนสนุก) หรือที่นั่งชมกีฬาของตัวเอง
>หนังสือพิมพ์ที่รับทุกวัน (แบบเดลิเวอรี่)
>ขนมหรือเครื่องดื่มที่มีอยู่ในตู้เย็นภายในห้องในโรงแรม
>การสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เพื่อมาส่งที่บ้าน
>การจ้างบริการจัดเลี้ยงเพื่อไปเลี้ยงอาหารที่บ้านพักคนชรา
.
.
Les choses suivantes ont augmenté la taxe à 10%.
>เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
>เครื่องสำอาง ยารักษาโรค
>การไปกินอาหารในร้านอาหารนอกบ้าน
>การซื้ออาหาร เครื่องดื่มและทานภายในร้านสะดวกซื้อ
>หนังสือพิมพ์ที่ซื้อยังร้านหนังสือ หรือร้านสะดวกซื้อ
>สินค้าที่ขายเป็นเซตมาพร้อมกับเครื่องดื่ม
>อาหารที่สั่งแบบ Room service ภายในโรงแรม
>การจ้างบริการจัดเลี้ยงให้มาจัดเลี้ยงนอกสถานที่ (Catering)
ผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว
Pour les touristes, il y aura des effets qui sont Frais de restauration dans divers restaurants. Produits achetés dans des dépanneurs. Les tarifs de train, que JR a également annoncé pour augmenter les tarifs
Le gouvernement japonais déclare que Nécessité de lever des impôts pour couvrir l'augmentation des coûts de protection sociale Et payer une énorme quantité de dette publique
Cette augmentation de taxe devrait augmenter les revenus du gouvernement de 5 700 milliards de yen, dont la moitié pour soutenir l'éducation préscolaire. Et s'occuper de jeunes enfants Y compris réduction des frais de scolarité au niveau universitaire Le reste sera utilisé dans le système d'assurance maladie. Et payer la dette publique.
